หลาย ๆ คน หากได้มีโอกาสไปโรงพยาบาล คงเห็นป้ายโฆษณาแพคเกจตรวจสุขภาพ ประจำปีมากมาย ที่ระบุโปรแกรมการตรวจโรค ยาวจนลายตา พอเห็นป้ายเหล่านี้ ก็อดคิดไม่ได้ว่าเราจำเป็นต้องตรวจทั้งหมดนี้จริง ๆ ไหม? หรือความจริงแล้วเราควรตรวจสุขภาพเมื่อไหร่? แล้วตรวจอย่างไรจึงจะเหมาะสม บทความนี้มีความรู้ดี ๆ เพื่อให้ทุกคนทราบแนวทางการ ตรวจสุขภาพ ที่เหมาะกับแต่คนมาฝากค่ะ การตรวจสุขภาพ คือ การตรวจร่างกายในภาวะที่ร่างกายเป็นปกติดี ไม่มีอาการเจ็บป่วยโดยมีวัตถุประสงค์ในการค้นหาปัจจัยเสี่ยงและภาวะผิดปกติ เพื่อให้ทราบแนวทางป้องกันการเกิดโรคร้ายแรง ในทุกช่วงอายุควรเข้ารับการตรวจสุขภาพ ซึ่งสามารถเลือก ตรวจสุขภาพประจำปี โรงพยาบาลรัฐ หรือเอกชนก็ได้เหมือนกันค่ะ สารบัญ ตรวจสุขภาพในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ตรวจสุขภาพในกลุ่มวัยทำงาน ตรวจสุขภาพในกลุ่มผู้สูงอายุ การตรวจสุขภาพที่ไม่แนะนำมีอะไรบ้าง? ก่อนหมดปีอย่าลืมใช้! ตรวจสุขภาพประกันสังคม 14 รายการ และทันตกรรมฟรี!!! ไม่ต้องสำรองจ่าย ตรวจสุขภาพ ในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น สำหรับการตรวจสุขภาพ ในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น จะมุ่งเน้นไปที่การตรวจร่างกายทั่วไป (ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง) เพื่อค้นหาความผิดปกติ ประเมินการเจริญเติบโตตามวัย และเฝ้าระวังด้านพัฒนาการ รวมไปถึงการให้วัคซีนต่าง ๆ ตามกำหนดเวลาเพื่อป้องกันการเกิดโรค 1.
Tumor-specific antigen (TSA): แอนติเจนเฉพาะกับมะเร็ง พบเฉพาะในเซลล์มะเร็งเท่านั้น ไม่พบในเซลล์ปกติ แต่มักเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการตอบสนองและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้ตรวจหาทางห้องปฏิบัติการได้ยากมาก 2.
ตรวจร่างกายทั่วไปโดยแพทย์ (Physical examination) แพทย์จะเริ่มต้นด้วยการซักประวัติเบื้องต้นถึงการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ดื่มสุราบ่อยแค่ไหน กินยาอะไรอยู่บ้าง เพื่อเก็บข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อตับ จากนั้นอาจมีการตรวจร่างกายภายนอกทั่วไป เพราะอาการบางอย่างอาจแสดงออกให้เห็นได้ชัด เช่น ท้องบวม กดแล้วเจ็บ ตาเหลือง และตัวเหลือง เป็นต้น 2. ตรวจสารบ่งชี้อาการบาดเจ็บ ALT Alanine transaminase (ALT) หรือเรียกอีกอย่างว่า Serum glutamic pyruvic transaminase (SGPT) ALT เป็นเอนไซม์ที่ร่างกายใช้ในการเผาผลาญโปรตีนเป็นพลังงาน เอนไซม์ ALT พบมากในตับ แต่สามารถพบในอวัยวะอื่นๆ ได้ด้วยเล็กน้อย โดยปกติระดับ ALT พบได้ในกระแสเลือดปริมาณเล็กน้อย แต่หากตับได้รับความเสียหายหรือทำงานบกพร่องอาจตรวจพบ ALT ในกระแสเลือดมากกว่าปกติ ระดับปกติของ ALT จะอยู่ที่ประมาณ 7-55 U/L (Unit per liter) ผู้ชายอาจมีค่าสูงกว่าผู้หญิงเล็กน้อยเป็นธรรมดา 3.
ช่วยตรวจกรอง ( screening) โรคมะเร็งบางชนิดในคนที่มีความเสี่ยงสูง ในปัจจุบันมี tumor marker เพียง 2 ชนิดเท่านั้น ที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถใช้ตรวจกรองโรคมะเร็งในคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิดสูงได้ ได้แก่ Alpha-fetoprotein (AFP) ในคนที่เป็นตับอักเสบเรื้อรัง (chronic hepatitis), hepatitis B carrier, ตับแข็ง (cirrhosis) เพื่อตรวจกรองภาวะ มะเร็งตับ และ Prostate specific antigen (PSA) ในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในรายที่มีปัญหาปัสสาวะลำบาก เพื่อตรวจกรองภาวะ มะเร็งต่อมลูกหมาก 3. ใช้ติดตามผลการรักษาและการกลับเป็นซ้ำของโรคมะเร็ง เป็นประโยชน์ที่นิยมใช้มากที่สุดของ tumor marker ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยผู้ป่วยมะเร็งที่ตรวจพบว่ามีระดับtumor marker สูงตั้งแต่เมื่อแรกวินิจฉัย หลังจากได้รับการรักษาแล้ว ระดับ tumor marker ที่เคยสูงอยู่เดิม ควรค่อยๆ ลดลงมาจนถึงระดับปกติ แต่ถ้าระดับ tumor marker ที่เคยลดลงหลังการรักษา กลับมีค่าสูงขึ้นเป็นลำดับอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง แสดงว่าน่าจะมีการกลับเป็นใหม่ของโรคมะเร็ง โดยการเปลี่ยนแปลงของระดับ tumor marker ที่ขึ้นสูงภายหลังการรักษา มักตรวจพบได้ก่อนที่จะตรวจพบอาการแสดงทางคลินิก เฉลี่ยประมาณ 2-6 เดือน 4.