Skip to content สำหรับท่านที่ติดตาม กราฟวิเคราะห์สัญญานของตลาดเชิงเทคนิค จากทาง Facebook เพจ Forex In Thai ในการดูกราฟวิเคราะห์สัญญานของตลาดเชิงเทคนิค หรือที่นิยมเรียกกันว่า ชิกแนล (Signal) มือใหม่ที่พึ่งเข้ามาในวงการตลาด Forex อาจจะยังสับสน เอ??? เขาดูกันยังงัยหว๋า?? มันคือเส้นอะไร? ทำไมเป็นเส้นสีเขียวกับสีแดง? แล้วทำไมถึงมีลูกศรชี้ไปอย่างงั้น? งงจัง?!! เอาล่ะ วันนี้เราจะมาแก้ข้อสงสัยกัน เอาแบบง่ายๆ สั้นๆ กะทัดรัดเลยนะครับ ขอให้ดูตัวอย่าง พร้อมคำอธิบายจากภาพด้านล่าง ตามตัวอย่าง ระดับ Pivot คือราคาที่อยู่กึ่งกลางที่ใช้ในการคำนวณ กรณีที่ราคาอยู่โซนด้านบน Pivot หากราคายังคงอยู่เหนือระดับ Pivot (1. 1435) เชื่อมั่นว่าตลาดวัวอยู่เหนือตลาดหมี กล่าวคือ มีแรงซื้อมากกว่าแรงขาย ราคามีโอกาสขึ้นต่อไปอีก เมื่อราคาขึ้นมาถึงระดับแนวต้านไม่ว่าจะเป็น R1, R2, R3 สามระดับนี้ คือเป้าหมายกำไรของ Long (Buy) แต่ในขณะเดียวกันสามระดับที่ว่านี้ ต่างก็อยู่ในโซน Overbought (ภาวะซื้อมากเกินไป) มีโอกาสหรือมีแนวโน้มที่จะกลับตัวในช่วงไหนระดับใดก็ได้เช่นกัน กรณีที่ราคาอยู่โซนด้านล่าง Pivot หากราคายังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ Pivot (1.
ใช้ Fibonacci Retracement เพื่อหาเป้าหมายทำกำไร ตามข้อ 1 ใช้วัดเพื่อหาจุดกลับตัวเพื่อหาจุดเข้า ในข้อที่ 2 นี้หลังจากที่เจอจุดกลับตัวแล้วให้นำมาวัดคลื่นปัจจุบันที่กำลังจะกลับตัว ถ้าเป็นแนวโน้มขาดขึ้น เมื่อกราฟย้อนลงมาแล้วกลับขึ้นไปให้วัดจากจุดสูงสุด ลงมาหาจุดต่ำสุดจะพบจุดแรกที่เป็นจุด 100 ถ้าผ่านเส้น 100ไปได้นั่นก็คือเบรกเอ้าท์ ให้เฝ้าระวังกราฟมีโอกาสไปถึง 161. 8 ก่อนหน้านี้ถ้ากราฟย่อต่ำลงไปถึงจุด 50. 0 38. 2 23. 6 มีโอกาสวิ่งไปถึง 161. 8 ทั้งสิ้น แต่ถ้าก่อนหน้านี้ลงไปถึง 61. 8 ก็อยู่ที่จะพิจารณาปิดทำกำไรที่ 100 หรือจะรอลุ้นทำกำไรที่ 161. 8 ก็สามารถทำได้ 3. ใช้ Fibonacci Retracement จัดการความเสี่ยง กรณีนี้อยู่ที่ความชำนาญของแต่ละบุคคล เพื่อใช้ในการตั้ง SL เช่นกราฟย่อตัวลงมาที่ 50. 0 แล้วและมีสัญญาณอย่างอื่นเช่น รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว หลังจากที่เข้า Buy ให้ตั้ง SL ไว้ต่ำกว่า 61.
1435) เชื่อมั่นว่าตลาดหมีอยู่เหนือตลาดวัว กล่าวคือ มีแรงขายมากกว่าแรงซื้อ ราคามีโอกาสที่จะลดลงอีกต่อไปอีก เมื่อราคาลดต่ำลงมาถึงระดับแนวรับ S1 หรือ S2 ซึ่งเป็นเป้าหมายกำไรของ Short แต่ในขณะเดียวกัน ทั้งสองระดับที่ว่านี้ ต่างก็อยู่ในโซน Oversold (ภาวะขายมากเกินไป) จึงมีโอกาสหรือมีแนวโน้มที่จะกลับตัวในช่วงไหนระดับใดก็ได้เช่นกัน แนะแนวเรื่อง
ใช้ Fibonacci Retracement เพื่อวัดระยะการย่อ Fibonacci Retracement ใช้เป็นการวัดหาระยะการย่อตัวหรือจุดที่คาดการณ์ว่าจะกลับตัวของราคาตามวัตถุประสงค์ที่ออกแบบมา เช่น แนวโน้มขาขึ้น เมื่อราคากลับตัวย้อนลงมา ให้นำ Fibonacci Retracement ลากจากจุดต่ำสุดของคลื่นก่อนหน้า ไปจุดที่สูงที่สุดของคลื่นก่อนหน้า จะพบตัวเลข Fibonacci 23. 6 38. 2 50. 0 61. 8 โดยแต่ละจุดจะเป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวัง มีความน่าจะเป็นที่จะกลับตัวหรือมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น 23. 6 มีโอกาสมากที่สุดที่กราฟจะกลับตัวทะลุจุดสูงสุดเดิมและขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ 38. 2 มีโอกาสมากที่กราฟจะกลับตัวทะลุจุดสูงสุดและขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ 50. 0 มีโอกาสที่กราฟจะกลับตัวทำจุดสูงสุดใหม่ 61. 8 มีโอกาสที่กราฟจะกลับตัวกลับไปยังจุดสูงสุดเดิมแต่ต้องลุ้นว่าจะสามารถทะลุจุดสูงสุดเดิมได้หรือไหม ต่ำกว่า 61. 8 มีโอกาสที่กราฟจะกลับไปจุดสูงสุดเดิม แต่ไม่มีโอกาสที่จะทะลุไปทำจุดสูงสุดใหม่ ดังนั้น ยิ่งกราฟย่อตัวลงมามากเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสน้อยที่จะทะลุจุดสูงสุดเดิม หรือที่เรียกกันว่าเบรกเอ้าท์นั่นเอง ในทางกลับกัน แนวโน้มขาลงก็ใช้วัดแบบเดียวกันแต่เริ่ม ลากจากจุดสูงสุดของคลื่นก่อนหน้ามาจุดต่ำสุดของคลื่นก่อนหน้า 2.
กราฟเส้น หรือ Line Chart จะมีรูปแบบลากเส้นต่อ ๆ กัน โดยอาศัยราคาปิดของในแต่ละไทม์เฟรม เช่น ไทม์เฟรม Day ก็จะใช้ราคาปิดของในแต่ละวัน ซึ่งจะบอกข้อมูลได้โดยจำกัด แต่เป็นประโยชน์และเห็นภาพชัดสำหรับผู้ที่วิเคราะห์ ตามรูปแบบแพตเทิร์นต่าง ๆ จะทำให้สังเกตุได้ง่าย 2.
เรามักจะเห็นเทรดเดอร์ไม่ว่าจะใน TV หรือ หนัง นั้น เวลาเทรด มักจะเทรดหลายจอ บางคนก็เทรด มากสุดถึง 6 จอ เลย นั้นจึงทำให้มือใหม่นั้น สงสัย พวกเขาดูอะไรกัน แล้วเราควรซื้อจอแบบเขาใหม เพื่อเทรด วันนี้เราจะไปหาคำตอบกัน เหตุผลอของการเทรดหลายจอ 💻💻💻 จริง ๆ มันก็ขึ้นของแต่ล่ะบุคคลว่าจะเทรดจอ ระบบออกแบบมาอย่างไร แต่โดยสว่นใหญ่การที่เทรดจอเยอะเพื่อดังนี้ 1. เปิดดูกราฟราคา หลายสินทรัพย์ที่เราเงเล้งใว้ ซึ่งจริงแล้ว ในโปรแกรมเทรดอย่าง 2. ใช้เปิดดู TimeFrame ที่หลากหลาย 3. เทรดหลายระบบ 4. ติดตามข่าวสารและกิจกรรมบันเทิง ที่อาจะเปิดไปด้วยเทรดไปด้วย ปล Trader 4 นั้นก็มีฟั้งชั้นแยกจอ แต่การแยกจอนั้นสัดส่วนหน้าจอนั้นก็จะถูกบีบให้แคบลง ทำให้มองราคาได้ไม่ชันเจน ข้อดี ✅❌ 1. ไม่จำเป็นที่จะต้องเปลียนกราฟตลอดเวลา ลดเวลาได้ดี 2. ติดตามราคาได้หลายคู่เพร้อมกัน 3. เต็มจอกว่าการแบ่งหน้าจอ 4. ดูเป็นมืออาชีพ ข้อเสีย ❌ 1. อาจจะหลุดโฟกัส มากจอ ก็ยิ่งยทำให้เราสับสนได้ 2. แสงสีฟ้า ยิ่งจอเยอะ ตาเราก็ยิ่งรับแสงจากหน้าจอเยอะ อาจทำให้ตาล้า 3. สิ้นเปลืองเงิน ทั้งค่าไฟ และ ค่าจอ ของพวกนี้มีราคาในระดับหนึ่ง มือใหม่จำเป็นต้องเทรดหลายจอใหม?
✅ ก็ขึ้นอยู่แต่ล่ะบุคคลและระบบรวมไปถึงทุนละทรัพที่ไปซื้อจอ ถ้าพร้อมและจำเป็นต้องใช้หลายจอก็ จัดเลยครับ แต่ถ้ามือไม่ยังไม่รู้ว่าจะเทรดอย่างไหร หรือมีระบบที่ชัดเจนก็แนะนำว่าเทรดจอเดียวไปก่อนแล้วแบ่งหน้าจอใน Meta Trader 4 ก็จะช่วยได้ พอมั่นใจแล้วว่าต้องซื้อก็ ค่อยไปซื้อยังไม่สาย cr. อ่านเพื่มเติมได้ที่ สนับสนุนบทความนี้ด้วยการส่งเพชร 💎ส่งดาว🌟 และกดติดตาม ใน Blockdit ของเรา
วันนี้คุณน้าจะพาทุกคนมารู้จักคำศัพท์ยอดฮิต "ติดดอย" ที่เทรดเดอร์ Forex และนักลงทุนทุกวงการ ไม่อยากพบเจอ!