อยู่ดีๆเกิดอาการขอบปากล่าง แห้งตึง ลอก ตลอดเวลา(รู้สึกชัดเจนที่เส้นขอบปากล่าง) ทาลิปมัน อะไรก็ไม่ดีขึ้น เป็นมา 2 อาทิคย์แล้วค่ะ ช่วยแนะนำที ต้องทำยังไงดี จะไปหาหมอแต่ไม่แน่ใจว่า ควรหาหมอทั่วไป หรือพวกหมอเฉพาะทางผืวหนังคะ? ** หาข้อมูลมา มีบางคนแนะนำว่าลองใช้ ไตรโนโลน ยาทาแผลร้อนใน ในปาก เคสแบบนี้ใช่ได้ไหมคะ** แสดงความคิดเห็น
แพ้ยาสีฟัน ยาสีฟันบางยี่ห้ออาจมีสารที่ทำให้ผิวอันบอบบางอย่างริมฝีปากสาวๆ บางคนเกิดอาการแพ้ได้ง่าย หากพบว่าใช้ยาสีฟันยี่ห้อไหนแล้วแพ้ จงเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นแทนจะดีที่สุด หากยังคงฝืนใช้ต่อ นอกจากทำให้ผิวริมฝีปากยิ่งแพ้หนักแล้ว ยังทำให้ปากดำขึ้นอีกด้วย 9.
อากาศหนาวจัด สภาพอากาศที่หนาวเย็นก็เป็นสาเหตุหนึ่งของริมฝีปากที่ดำคล้ำเช่นกัน เพราะเมื่ออากาศหนาวมากๆ เส้นเลือดบริเวณริมฝีปากจะหดตัว และปรากฎเลือดดำที่คั่งค้างอยู่มากกว่าปกติ เป็นผลให้ริมฝีปากดูดำคล้ำมากขึ้นนั่นเอง อีกทั้งด้วยความเย็นจัด ยังอาจส่งผลให้ริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุยจนดูไม่เรียบเนียนได้ Credit: 3. เลียริมฝีปากบ่อย สาวๆ คนไหนที่ชอบเลียริมฝีปากบ่อยๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเรียวปากของคุณจึงมีสีดำคล้ำต่างจากคนอื่นๆ นั่นก็เพราะการเลียริมฝีปาก จะทำให้เอนไซม์ย่อยอาหารที่มีอยู่ในน้ำลาย รบกวนเซลล์ผิวบริเวณนี้มากขึ้น และเป็นผลให้ปากดำในที่สุด เพราะฉะนั้น เลิกนิสัยนี้ซะ แล้วเรียวปากของคุณจะสวยใสขึ้นอย่างแน่นอน 4. เป็นโรคเรื้อรังหรือโรคร้าย สำหรับคนที่เป็นโรคเรื้อรังหรือโรคร้าย อย่างเช่น โรคโลหิตจาง โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ก็อาจมีผลให้ริมฝีปากดูดำมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ บริเวณนั้นได้ไม่เพียงพอ และเลือดมักจะมีสีเข้มกว่าปกติ ซึ่งการจะแก้ไขนั้นก็คงเป็นไปได้ยาก แนะนำให้ทาลิปสติกด้วยเทคนิคเล็กน้อย เพื่อปกปิดความหมองคล้ำจะดีที่สุด 5. สูบบุหรี่ ในปัจจุบันไม่เพียงแต่ผู้ชายเท่านั้นที่สูบบุหรี่ ผู้หญิงบางส่วนก็มักจะสูบบุหรี่เช่นกัน แถมบางคนยังอาจจะสูบจัดกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุของริมฝีปากที่ดำคล้ำ เพราะสารนิโคตินและสารพิษอื่นๆ ในบุหรี่ รวมถึงควันบุหรี่ จะทำลายเซลล์ผิวบริเวณริมฝีปากให้เสื่อมสภาพลง พร้อมทั้งเพิ่มเม็ดสีมากขึ้น ริมฝีปากจึงดูสีเข้มกว่าที่ควรจะเป็นนั่นเอง 6.
น้ำมันมะกอก ทาบางๆ ที่ริมฝีปาก จะทำหน้าที่เสมือนแผ่นฟิล์มธรรมชาติ ช่วยปกป้องผิวไม่ให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงไป บรรเทาอาการแห้งตึงและเจ็บ ริมฝีปากจะรู้สึกสบายและนุ่มขึ้น นอกจากนี้ วิตามินอี วิตามินเอในน้ำมันมะกอกยังช่วยป้องกันการทำลายจากแสงแดดและอนุมูลอิสระได้ดีอีกด้วย 2. น้ำผึ้ง ทาน้ำผึ้งบางๆ จะช่วยคืนความชุ่มชื้นนุ่มนวลให้ริมฝีปาก สารแอนติออกซิแดนท์ในน้ำผึ้งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ อุดมด้วยสารฆ่าเชื้อและป้องกันการติดเชื้อ ในกรณีที่ปากแตกมาก ช่วยให้ไม่เกิดการอักเสบและช่วยสมานแผลให้หายเร็ว 3. ใบของต้นเปล้า เลือกใช้ใบเล็กหรือใบใหญ่ก็ได้ สัก 2 – 3 ใบ เด็ดให้ก้านติดมาด้วย จะได้น้ำยางใสๆ ไหลออกมา เอายางนั้นมาแต้มที่แผลริมฝีปากวันละ 2 – 3 ครั้ง สัก 4 – 5 วัน 4. น้ำตะไคร้หอม มีสรรพคุณแก้ร้อนในกระหายน้ำ ต้มจิบแทนน้ำ ช่วยแก้ริมฝีปากแห้งแตกได้ สูตรพอกริมฝีปาก ลดเลือนริ้วรอยด่างดำ บดเนื้อมะละกอสุกให้ละเอียด นำมาพอกให้ทั่วริมฝีปากและผิวรอบขอบปาก ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทาน้ำมันมะกอกตาม เอนไซม์ในมะละกอสุกและวิตามินอีของน้ำมันมะกอกจะช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ ข้อมูลอ้างอิง * คุณขนิษฐา ปานรักษา หัวหน้างานแพทย์แผนไทยโรงพยาบาลสมุทรสาคร * หนังสือรักษาโรคด้วยวิธีธรรมชาติ บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ 8 สาเหตุ ปากแห้งแตก แก้ด้วย 4 วิธีธรรมชาติ แก้ปากนกกระจอก ด้วยวิธีง่ายๆ รับมือได้ด้วยตัวเอง มีกลิ่นปาก แก้ได้ง่ายๆ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้